UFABETWINS

UFABETWINS ทีมชาติไทย ยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน

0 Comments

แม้ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ จะยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าใครจะเป็นแม่ทัพคุมทีม “ช้างศึก” ในฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ และ เอเชียน คัพ รอบคัดเลือกในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

แต่ในระดับเยาวชน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ขยับตัวจัดการเซ็ตระบบอย่างฉับไว ด้วยการแต่งตั้งทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช เรียบร้อยแล้ว

โดยเริ่มจากวาง “เจ้าชายกบ” พิภพ อ่อนโม้ อดีตดาวยิงทีมชาติไทย และ ชลบุรี เอฟซี ดีกรีโค้ชเอไลเซนส์ เข้ามาคุมทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี และมี “โค้ชชุ่ม” ชยกร ถนัดเดินข่าว โค้ชเอไลเซนส์ พกประสบการณ์ทั้งเป็นผู้ช่วยโค้ชและล่ามให้หลายทีมทั้ง อ่างทอง เอฟซี, ชัยนาท ฮอร์นบิล และอุดรธานี เอฟซี มาทำหน้าที่มือขวา

นอกจากนี้ยังดัน ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย ลูกหม้อจากเอ็คโคโน่ เดิมทีเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ขึ้นไปนั่งเก้าอี้นายใหญ่ของทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี แทนที่ “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร ที่ประกาศลาออก หลังจบศึกฟุตบอลชิงแชมป์ เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี และเข้าไปเป็นทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชของ อากิระ นิชิโนะ ในทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ตั้งแต่ปี 2019

ซึ่งการปรับหมากครั้งนี้ ได้รับการเห็นดีเห็นงามจาก มร. การ์เลส โรมาโกซา ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคชาวสเปน ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ในการพัฒนาเยาวชนของทีมชาติไทย ทุกระดับให้แข็งแกร่ง และยั่งยืน

ซึ่งว่ากันตามตรงการแต่งตั้ง “พิภพ” เข้ามาคุมทีม “ช้างศึกจูเนียร์” ถือว่าน่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อย เพราะตั้งแต่ พิภพ ประกาศแขวนสตั๊ด เมื่อปี 2018 อดีตกองหน้าเจ้าของสถิติยิง 108 ประตูให้ “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ยังไม่ได้คุมทีมจริงจังโดยเฉพาะทีมในระดับเยาวชนเลย

เรียกว่าเป็นมือใหม่หัดขับ ในวงการโค้ชก็คงไม่ผิดนัก ซึ่งแน่นอนว่าการเข้ามาของ “พิภพ” อาจจะมีข้อครหา จากแฟนบอลตามมาว่า เพราะบารมีของทีมดังจากภาคตะวันออก

เช่นเดียวกันกับการขยับ ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย ขึ้นไปคุมทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ก็ไม่ใช่เรื่องที่โดนใจนัก เพราะยังไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน กลับกันหากจะให้ ซัลบาร์ และ โค้ชโม้ ทำงานร่วมกันในการสร้างทีม รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ยังดูลงตัวกว่า

ส่วนในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ยังมีคนที่มีฝีมือ และอยู่ในวงการมานาน โดยเฉพาะโค้ชระดับโปรไลเซนส์ หลายคนก็ยังว่างงานอยู่ และเคยมีประสบการณ์ ในการคุมทีมเยาวชนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย, ประจักษ์ เวียงสงค์ หรือ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ เองก็ตาม

ที่สำคัญโค้ชเหล่านี้ เคยปั้นนักเตะขึ้นไปติดทีมชาติไทย มานักต่อนักแล้ว สมาคมฯ น่าจะเปิดโอกาสให้พวกเขา ได้เข้ามาทำงานตรงนี้อย่างจริงจัง มากกว่ามือใหม่อย่าง ซัลบาดอร์ ที่หลังหมดสัญญา กับสมาคมฯ ก็ต้องกลับไปสเปน

หากเลือกโค้ชไทย ทำงานยังถือเป็นการสร้างบุคลากร ในระยะยาว แถมในอนาคตโค้ชเหล่านี้ยังมีสิทธิ์ก้าวขึ้นไป ทำทีมชาติไทยชุดใหญ่ได้ด้วย

แต่เมื่อสมาคมฯ เลือกที่จะเดินหมากนี้ในฐานะแฟนบอล ก็คงต้องสนับสนุนเต็มที่ และหวังว่าทางสมาคมฯ จะให้โอกาสโค้ชได้พิสูจน์ฝีมือยาวๆ แต่ก็นั่นแหละอาจเพราะในปีนี้ยู19 ทีมชาติไทยไม่มีโปรแกรมแข่งขันรายการใดๆ เลย

อย่าลืมว่าฟุตบอล เยาวชนของประเทศ โดยเฉพาะรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี เป็นรุ่นที่มีความสำคัญและเป็นรากฐาน ของฟุตบอลทีมชาติไทยในอนาคต อย่างแท้จริง

ถ้าทีมไม่ประสบความสำเร็จ ในเรื่องโทรฟี่ ทางสมาคมฯ ต้องมองระยะยาวว่านักเตะกลุ่มนี้  สามารถต่อยอดก้าวไปเล่น ในระดับสูงกว่านี้ได้ไหม เพื่อให้การพัฒนาเป็นไป อย่างเป็นระบบและต่อเนื่องเหมือนกับชาติอื่นๆ

ดังนั้นการสร้างเด็กเยาวชน ผู้บริหารสมาคมฯ ต้องมีความอดทน รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เพราะการสร้างทีมฟุตบอล มันต้องใช้เวลาบ่มเพาะ กว่าจะออกผล

ไม่ใช่พอทีมแพ้มาแล้ว ทนกระแสโจมตีจากแฟนบอลไม่ไหว ก็ปลดโค้ชเหมือนในอดีต แบบนั้นคงไม่ต่างจากการพายเรือในอ่างใบเดิม คงไม่ผิดนัก

คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล